ลองปั่น.. DAHON Dash Altena
หนึ่งในแบรนด์จักรยานที่นำโด่งมาในอันดับต้นๆ คงหนีไม่พ้น "ดาฮอน (DAHON)" เราจึงได้นำพาน้องใหม่ที่หลายคนถวิลหาในรุ่น Dash Altena ซึ่งดูท่าทางหน่วยก้าน ประมาณว่าน่าจะสามารถตอบสนองนักปั่นขาแรงในระดับล้อเล็กได้ไม่น้อย
การออกแบบจักรยานดาฮอน Dash Altena จะคล้ายๆ กับรุ่นพี่ที่ถือกำเนิดมาก่อนอย่าง Dash P8 ซึ่งเป็นจักรยานพับได้แบบท่อคู่ ลักษณะเดียวกับจักรยานมินิ เน้นการใช้งานที่มีความคล่องตัว รวมถึงระยะและองศาต่างๆ อยู่ในกลุ่มเดียวกับจักรยานล้อใหญ่ ให้ความรู้สึกในการคร่อมขี่ไม่แตกต่างกัน
ตัวเฟรมเป็นวัสดุอลูมิเนียมมีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง มีการปรับระยะของท่อนั่งให้สูงขึ้นกว่ารุ่น P8 ทำให้มีความนิ่งมากขึ้นในลักษณะของการนั่งบนหลักอาน เช่นเดียวกับความรู้สึกเหมือนปั่นจักรยานเสือหมอบ
สิ่งที่แตกต่างคือการนำวงล้อขนาด 20 นิ้ว (451) มาติดตั้ง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ารุ่น P8 ที่มีขนาด 20 นิ้ว (406) จึงเป็นผลให้การปั่นมีความสนุกมากขึ้น สามารถใช้รอบขาทำความเร็วได้ดียิ่งกว่า (ขึ้นอยู่กับกำลังขาด้วยนะ..) อีกทั้งยังขัดเงาวงล้อไว้อย่างสวยงาม
ตำแหน่งของท่อนั่งได้ติดตั้งจุดจับยึดขาสับจานมาให้ ทำให้สะดวกต่อการติดตั้งระยะขาสับจานได้อย่างแม่นยำ โดยมีชุดขับเคลื่อนจานหน้าแบบสองชิ้น ขนาดฟัน 55 และ 44 มากเพียงพอสำหรับการปั่นทำความเร็วได้เป็นอย่างดี
ติดตั้งชุดขับเคลื่อนของชิมาโน่รุ่น Sora รวมถึงชุดมือเกียร์แบบรวมเบรก แต่คันที่นำมาทดสอบนี้ได้ติดต้ังชุดมือเกียร์รุ่น Tiagra ซึ่งเป็นรุ่นที่สูงกว่า และ Dash Altena รุ่นนี้มีทั้งหมด 18 เกียร์
แม้รูปร่างจะเป็นเช่นเดียวกับจักรยานมินิ มีการออกแบบเฟรมเหมือนกับจักรยานล้อใหญ่ แต่ตัวเขาคือจักรยานพับ.. ดังนั้นการออกแบบจุดพับจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนอกจากจะต้องพับได้สะดวกแล้ว ยังจะต้องดูกลมกลืนไม่โผล่ระบบพับให้ขัดตาขัดใจ จึงใช้เทคโนโลยีการออกแบบเช่นเดียวกับรุ่น P8 คือเป็นจุดพับที่อยู่ช่วงกลางของท่อบนและล่าง มีฟันที่ขบเข้ากันพอดี และมีจุดล็อคพร้อมสกรู จึงแข็งแรงและเรียบเนียนสวยกลมกลืน

ประแจแบบหกเหลี่ยมจะมีมาให้ในชุดของรถ ใช้ขันสกรูปลดล็อคเพื่อพับจักรยานได้อย่างสะดวกง่ายดาย แม้จะไม่ "ง่าย" เหมือนระบบปลดเร็วในรุ่นอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เมื่อแลกกับความสวยงามกลมกลืนไปกับตัวเฟรมแล้ว.. ถือว่าลงตัว
สายเบรคและสายเกียร์เป็นลักษณะปลอกหุ้มแบบเส้นใยถัก จึงมีความแข็งแรงต่อการเคลื่อนไหวไปมา โดยเฉพาะในจุดที่จะต้องเกิดการพับบ่อยๆ เช่นจังหวะที่พับจักรยาน จุดนี้นับว่าผู้ผลิตใส่ใจต่อการออกแบบให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วตรงจุดพับบ่อยๆ ปลอกสายเหล่านี้อาจจะชำรุดเสียหายก่อนเป็นอันดับแรก
แม้ว่าพับแล้วจะมีขนาดใหญ่กว่าจักรยานพับทั่วไปบ้าง แต่ได้เพิ่มเติมจุดปลอดภัยเอาไว้ เช่น ขายึดแม่เหล็กพร้อมสปริงรองรับแรงกระแทก ระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ทำให้พับเข้าหากันแล้วจะประกบกันพอดี ไม่ต้องมีส่วนอื่นส่วนใดของตัวรถไปกระทบกันทำให้เสียหาย และด้านล่างช่วงกระโหลกมีโลหะเป็นขาวางสำหรับจับตั้งเอาไว้ได้พอดี

ด้วยว่าผู้ทดสอบมีความสูงขนาด 177 เซ็นติเมตร.. การปรับเบาะจึงต้องมีระยะที่สูง และเมื่อทดสอบปั่น..ท่าทางจึงก้มหมอบในระดับเดียวกับจักรยานเสือหมอบรุ่นใหญ่ หากใครต้องการความสบายในการปั่น จำเป็นต้องปรับใช้ขนาดระยะและองศาของสเตมให้เหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องปกติเวลาเลือกซื้อรถจักรยานให้เหมาะสมกับตัวผู้ขี่อยู่แล้ว
ความรู้สึกในการปั่นนั้น ใกล้เคียงกับการปั่นจักรยานเสือหมอบทั่วไป และด้วยขนาดล้อ 451 จึงทำให้อัตราเร่งและการใช้รอบขามีประสิทธิภาพมากขึ้น อารมณ์ในการปั่นสนุกไปกับความเร็วที่ตอบสนองกลับมาได้อย่างน่าชื่นใจ
ส่วนตัวแล้วไม่ใช่นักปั่นขาแรง (เพราะแรงไม่มีอย่างเขานะสิ) แต่ในการทดสอบได้เพิ่มระยะความเร็วในการปั่น เพื่อหมายว่าใครที่ชื่นชอบความเร็ว อยากจะรู้ว่าจักรยานรุ่นนี้มีลิมิตแค่ไหน บอกได้ว่าการทำความเร็วเลยอัตรา 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร สามารถกดไปใส่รอบขานำพาไปตามติดเพื่อนฝูงที่เป็นจักรยานล้อใหญ่ได้อย่างสบายๆ
*หมายเหตุ ความคิดเห็นต่างๆ นี้ เป็นความคิดเห็นเฉพาะบุคคลของผู้เขียน ผู้สนใจควรทดลองสัมผัสด้วยตัวเองเพิ่มเติมนะครับ

การออกแบบจักรยานดาฮอน Dash Altena จะคล้ายๆ กับรุ่นพี่ที่ถือกำเนิดมาก่อนอย่าง Dash P8 ซึ่งเป็นจักรยานพับได้แบบท่อคู่ ลักษณะเดียวกับจักรยานมินิ เน้นการใช้งานที่มีความคล่องตัว รวมถึงระยะและองศาต่างๆ อยู่ในกลุ่มเดียวกับจักรยานล้อใหญ่ ให้ความรู้สึกในการคร่อมขี่ไม่แตกต่างกัน
ตัวเฟรมเป็นวัสดุอลูมิเนียมมีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง มีการปรับระยะของท่อนั่งให้สูงขึ้นกว่ารุ่น P8 ทำให้มีความนิ่งมากขึ้นในลักษณะของการนั่งบนหลักอาน เช่นเดียวกับความรู้สึกเหมือนปั่นจักรยานเสือหมอบ
สิ่งที่แตกต่างคือการนำวงล้อขนาด 20 นิ้ว (451) มาติดตั้ง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ารุ่น P8 ที่มีขนาด 20 นิ้ว (406) จึงเป็นผลให้การปั่นมีความสนุกมากขึ้น สามารถใช้รอบขาทำความเร็วได้ดียิ่งกว่า (ขึ้นอยู่กับกำลังขาด้วยนะ..) อีกทั้งยังขัดเงาวงล้อไว้อย่างสวยงาม
ตำแหน่งของท่อนั่งได้ติดตั้งจุดจับยึดขาสับจานมาให้ ทำให้สะดวกต่อการติดตั้งระยะขาสับจานได้อย่างแม่นยำ โดยมีชุดขับเคลื่อนจานหน้าแบบสองชิ้น ขนาดฟัน 55 และ 44 มากเพียงพอสำหรับการปั่นทำความเร็วได้เป็นอย่างดี
ติดตั้งชุดขับเคลื่อนของชิมาโน่รุ่น Sora รวมถึงชุดมือเกียร์แบบรวมเบรก แต่คันที่นำมาทดสอบนี้ได้ติดต้ังชุดมือเกียร์รุ่น Tiagra ซึ่งเป็นรุ่นที่สูงกว่า และ Dash Altena รุ่นนี้มีทั้งหมด 18 เกียร์
แม้รูปร่างจะเป็นเช่นเดียวกับจักรยานมินิ มีการออกแบบเฟรมเหมือนกับจักรยานล้อใหญ่ แต่ตัวเขาคือจักรยานพับ.. ดังนั้นการออกแบบจุดพับจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนอกจากจะต้องพับได้สะดวกแล้ว ยังจะต้องดูกลมกลืนไม่โผล่ระบบพับให้ขัดตาขัดใจ จึงใช้เทคโนโลยีการออกแบบเช่นเดียวกับรุ่น P8 คือเป็นจุดพับที่อยู่ช่วงกลางของท่อบนและล่าง มีฟันที่ขบเข้ากันพอดี และมีจุดล็อคพร้อมสกรู จึงแข็งแรงและเรียบเนียนสวยกลมกลืน

ประแจแบบหกเหลี่ยมจะมีมาให้ในชุดของรถ ใช้ขันสกรูปลดล็อคเพื่อพับจักรยานได้อย่างสะดวกง่ายดาย แม้จะไม่ "ง่าย" เหมือนระบบปลดเร็วในรุ่นอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร เมื่อแลกกับความสวยงามกลมกลืนไปกับตัวเฟรมแล้ว.. ถือว่าลงตัว
ในส่วนของหลักอานรวมถึงคอ และสเตม เป็นอลูมิเนียมชุบเงาวับสวยงาม จัดคู่กับเบาะนั่งและผ้าพันแฮนด์สีขาว จึงทำให้สวยงามคลาสิคแบบผู้ดีตลอดทั้งคัน
สายเบรคและสายเกียร์เป็นลักษณะปลอกหุ้มแบบเส้นใยถัก จึงมีความแข็งแรงต่อการเคลื่อนไหวไปมา โดยเฉพาะในจุดที่จะต้องเกิดการพับบ่อยๆ เช่นจังหวะที่พับจักรยาน จุดนี้นับว่าผู้ผลิตใส่ใจต่อการออกแบบให้ใช้งานได้อย่างสบายใจ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วตรงจุดพับบ่อยๆ ปลอกสายเหล่านี้อาจจะชำรุดเสียหายก่อนเป็นอันดับแรก
แม้ว่าพับแล้วจะมีขนาดใหญ่กว่าจักรยานพับทั่วไปบ้าง แต่ได้เพิ่มเติมจุดปลอดภัยเอาไว้ เช่น ขายึดแม่เหล็กพร้อมสปริงรองรับแรงกระแทก ระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ทำให้พับเข้าหากันแล้วจะประกบกันพอดี ไม่ต้องมีส่วนอื่นส่วนใดของตัวรถไปกระทบกันทำให้เสียหาย และด้านล่างช่วงกระโหลกมีโลหะเป็นขาวางสำหรับจับตั้งเอาไว้ได้พอดี

ด้วยว่าผู้ทดสอบมีความสูงขนาด 177 เซ็นติเมตร.. การปรับเบาะจึงต้องมีระยะที่สูง และเมื่อทดสอบปั่น..ท่าทางจึงก้มหมอบในระดับเดียวกับจักรยานเสือหมอบรุ่นใหญ่ หากใครต้องการความสบายในการปั่น จำเป็นต้องปรับใช้ขนาดระยะและองศาของสเตมให้เหมาะสม ซึ่งเป็นเรื่องปกติเวลาเลือกซื้อรถจักรยานให้เหมาะสมกับตัวผู้ขี่อยู่แล้ว
ความรู้สึกในการปั่นนั้น ใกล้เคียงกับการปั่นจักรยานเสือหมอบทั่วไป และด้วยขนาดล้อ 451 จึงทำให้อัตราเร่งและการใช้รอบขามีประสิทธิภาพมากขึ้น อารมณ์ในการปั่นสนุกไปกับความเร็วที่ตอบสนองกลับมาได้อย่างน่าชื่นใจ
ส่วนตัวแล้วไม่ใช่นักปั่นขาแรง (เพราะแรงไม่มีอย่างเขานะสิ) แต่ในการทดสอบได้เพิ่มระยะความเร็วในการปั่น เพื่อหมายว่าใครที่ชื่นชอบความเร็ว อยากจะรู้ว่าจักรยานรุ่นนี้มีลิมิตแค่ไหน บอกได้ว่าการทำความเร็วเลยอัตรา 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร สามารถกดไปใส่รอบขานำพาไปตามติดเพื่อนฝูงที่เป็นจักรยานล้อใหญ่ได้อย่างสบายๆ
แต่นั่นหละครับ... จุดประสงค์ของการเป็นจักยานพับได้นั้น คงไม่ได้เน้นที่การแข่งขันความเร็ว แต่เป็นการใช้งานที่คล่องตัว สวยงาม และสามารถตอบสนองการใช้งานได้อย่างครอบคลุม ซึ่ง Dash Altena สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง อีกทั้งน้ำหนักตัวเพียง 10.8 กิโลกรัมรวมถึงขนาดล้อที่ใหญ่กว่า ตลอดจนรูปร่างสวยงามแบบเดียวกับรถล้อใหญ่ มันจึงเป็นจักรยานอีกคันซึ่งน่าจะ "ได้ใจ" ผู้ที่ชื่นชอบจักรยานล้อเล็กพับได้ไปพอสมควร
- สนนราคา 33,600 บาท อาจจะดูสูงสักหน่อย แต่เชื่อว่าราคาที่จำหน่ายยังตัวแทนต่างๆ คงจะมีส่วนลดหรืออื่นๆ ให้ตัดสินใจได้ไม่ยากนัก
- ขอบคุณ บริษัท นาวาไบค์ จำกัด ที่นำจักรยาน Dahon Dash Altena มาให้ทดสอบในครั้งนี้
*หมายเหตุ ความคิดเห็นต่างๆ นี้ เป็นความคิดเห็นเฉพาะบุคคลของผู้เขียน ผู้สนใจควรทดลองสัมผัสด้วยตัวเองเพิ่มเติมนะครับ

ลองปั่น.. DAHON Dash Altena
Reviewed by zangzaew
on
17:00
Rating:
